085 รูปหล่อโบราณพ่อท่านหลิม ทองย่อน : antig198
antig198
หน้าร้าน ©antig198 : ไปที่ Google พิมพ์คำว่า ANTIG ตามด้วยตัวเลข เช่น ANTIG 1 หรือ ANTIG 18 , ANTIG 102 ท่านจะพบกับร้านค้าของเรา



ชื่อสินค้า : 085 รูปหล่อโบราณพ่อท่านหลิม ทองย่อน
ประเภท : มีผู้บูชาแล้ว
: รายละเอียด :

รูปหล่อโบราณพ่อท่านหลิม ทองย่อน

ท่านเป็นหนึ่งใน ๗ ทหารเสือของเสด็จเตี่ย พ่อท่านหลิม หรือ เสือไท จริงๆไม่ได้ตั้งใจเป็นจอมโจรแต่แรก
มีสัจจะโจรดังนี้ ห้ามฆ่าหรือทำร้ายเจ้าทรัพย์ และห้ามต่อสู้กับเจ้าหน้าที่บ้านเมือง
เลือกปล้นเฉพาะพวกเศรษฐีหรือนายทุนหน้าเลือด เอารัดเอาเปรียบและชอบรังแกคนยากจนเท่านั้น
เสือไท มาจากครอบครัวของผู้ที่มีฐานะ ความรักอิสระและชอบวิชาการต่อสู้ ทำให้ต้องเร่ร่อนและคบค้าสมาคมกับพวกนักเลง ต่อมาจึงช่วยงานที่โรงเหล้าของญาติห่างๆ เป็นคนชอบชกมวย และมีฝีมือฟันดาบ กระบี่กระบอง ร่ำเรียนไสยเวทอาคมและวิชาการต่อสู้เกือบทุกรูปแบบ ก่อนถวายตัวเป็นมหาดเล็กของ พลเรือเอกพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงค์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ บิดาแห่งกองทัพเรือไทย ต่อมาภายหลังชะตาชีวิตได้หักเหกลายเป็นผู้ต้องหาคดีอาญาร้ายแรง เลยต้องหลบหนีคดีกลายเป็นจอมโจรชื่อดัง แต่ได้รับความนับถือยกย่องให้เป็น “สุภาพบุรุษเสือ” แม้แต่มือปราบขมังเวทย์อย่าง พล.ต.ต. ขุนพันธรักษ์ราชเดช รวมทั้งตำรวจมือปราบและเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครองอีกหลายคนในสมัยนั้นยังมาฝากตัวเป็นลูกศิษย์
พ่อหลิม หรือ เสือไท เล่าว่า รับหน้าที่เป็นมหาดเล็กปลุกบรรทม มีหน้าที่ดูแลเรื่องเครื่องบรรทม และคอยปลุกเสด็จในกรมฯ ตามที่ทรงรับสั่ง หน้าที่นี้เองทำให้เขาเป็นมหาดเล็กใกล้ชิดและอยู่ในเหตุการณ์ในวันที่เสด็จในกรมฯทรงสิ้นพระชนม์ เมื่อสิ้นเสด็จในกรมฯ พ่อหลิม(เสือไท)(เนื่องจากมีคดีติดตัวอยู่) จึงต้องหวนกลับสู่ถนนนักเลง โดยไปช่วยงานที่โรงบ่อนเบี้ย ดูแลโรงเหล้าและโรงยาฝิ่น ซึ่งมีหลวงประชาธนาณัติ ทหารเสือผู้หันมาเอาดีด้วยการยึดอาชีพเป็นนายอากรบ่อนเบี้ยเป็นผู้แนะนำ
เศรษฐกิจของประเทศสยามในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้ตกต่ำลงมาก อันเป็นผลกระทบมาจากสถานการณ์เศรษฐกิจโลกและปัจจัยภายในประเทศหลายอย่าง กล่าวกันว่ารายได้ของรัฐบาลส่วนหนึ่งที่หดหายไปคือการออกกฎหมายประกาศยกเลิกการเล่นหวย ก. ข. ในปีพุทธศักราช 2459 และการประกาศเลิกบ่อนเบี้ย ในปีพุทธศักราช 2460 แต่ทว่า หวยและบ่อนนั้น เป็นการพนันที่เลิกยาก ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ เมื่อห้ามไม่ให้เปิดตามกฎหมาย ก็ยังคงมีคนลอบเปิด รวมถึงโรงยาฝิ่นด้วย คืนวันหนึ่ง ที่โรงบ่อนเบี้ยเถื่อนในกรุงเทพฯ มีการทะเลาะวิวาทกันรุนแรงจนถึงขั้นตะลุมบอนยิงแทงกัน ให้บังเอิญที่ พ่อหลิม(เสือไท) อยู่ในที่นั้นด้วย มีเสียงปืนจากพลตระเวนดังขึ้นหลายนัดเพื่อระงับเหตุและพวกนักเลงที่ยิงกันเองกระสุนปืนเจ้ากรรมนัดหนึ่งเป็นลูกหลงปริศนาพุ่งเข้าตัดขั้วหัวใจของพลตระเวณนายหนึ่งล้มลงขาดใจตาย ขณะเดียวกันพ่อหลิม(เสือไท)กับพวกวิ่งสวนมาทางนั้นพอดี มีเสียงตะโกนมาจากนักเลงอีกกลุ่มหนึ่งว่า ไอ้ไทยิงตำรวจ ลำพังคดีฆ่าคนธรรมดาก็หนักอยู่แล้ว แต่นี่เป็นคดีที่ถูกกล่าวหาว่าฆ่าเจ้าหน้าที่ตำรวจในขณะปฏิบัติหน้าที่ยิ่งหนักหนาสาหัสการหลบหนีคดีครั้งที่ 2 ของชีวิต ดูเหมือนว่าการหนีในคราวนี้แผ่นดินไทยดูจะแคบเกินไปจนแทบจะไม่มีที่หลบซ่อนตัว พ่อหลิม หรือ เสือไท ได้เล่าถึงช่วงที่ชีวิตตอนนั้นว่า มีความพยายามจากศัตรูฝ่ายตรงข้ามของตนเองที่จะรื้อคดีเก่าของเขาออกมา ในขณะที่คดีที่เกิดใหม่ก็ยังเอาตัวไม่รอด เป็นเรื่องเคราะห์ซ้ำกรรมซัด จึงตัดสินใจลงเรือสินค้าแล้วแอบแวะขึ้นบกที่นครศรีธรรมราช เดินทางลงใต้ไปเรื่อยๆ ทางบกบ้าง ทางเรือบ้าง หนีไปกบดานในเขตประเทศมาเลเซีย และเตลิดเลยเข้าไปถึงประเทศสิงคโปร์ ต้องใช้ชีวิตอย่างลำบากมาก เลยลงเรือกลับมายังเมืองไทย โดยไม่กล้าแวะกรุงเทพฯ เดินทางขึ้นเหนือไปเรื่อยๆ
ในระยะนั้นมีคนแอบอ้างว่าเป็นเสือไทออกปล้นจี้หลายครั้ง ในเขตพื้นที่ภาคกลางและภาคเหนือตอนล่าง สิงห์บุรี ชัยนาท สุพรรณบุรี เลยไปถึงฝั่งตะวันตก กาญจนบุรี ทำให้ มหาดเล็กไทจากคนร้ายหนีคดีฆ่าตำรวจ กลายเป็นเสือไทไปโดยปริยาย เมื่อไม่มีทางเลือกเสือไทจึงหนีเข้าป่ารวมกลุ่มพวกหนีคดีอีกหลายคน จากเริ่มต้นมีพรรคพวกอยู่ไม่กี่คนกลายเป็นหลักร้อยคนในเวลาต่อมา และทุกคนยอมรับความสามารถของมหาดเล็กไท ยกย่องให้เป็นผู้นำ กลายหัวหน้าชุมโจรนับตั้งแต่บัดนั้น
เมื่อตั้งชุมโจรได้แล้ว เสือไทจึงจัดการล้างแค้น ไอ้เสือไทตัวปลอมผู้ที่แอบอ้างชื่อเขาหากิน ตอนนั้นช่วงนั้นเขตพื้นที่รอยต่อสุพรรณบุรีและกาญจนบุรี ชาวบ้านหวาดกลัวเสือไทตัวปลอมมาก เพราะเสือไทตัวปลอมปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ทุกครั้ง ฉุดลูกเมียชาวบ้านไปข่มขืนเสมอ กระทำการอุกอาจไม่เกรงกลัวกฎหมาย แล้วทุกครั้งที่ทำการปล้นชิง ได้กู่ประกาศชื่อว่า มันคือ “เสือไท” ลักษณะเสือไทตัวปลอมคือรูปร่างสูงใหญ่ ไว้หนวดเคราเข้มขรึม พูดจาเสียงดัง มีนิสัยชั่วร้ายชอบข่มขู่และทำร้ายคนไม่มีทางสู้ แต่ชาวบ้านต่างเข้าใจว่ามันคือเสือไทตัวจริง เสือไทตัวจริงเดินทางไปกับลูกน้องสองคนบุกเข้าถ้ำเสือไทตัวปลอม ใช้มีดปังตอของอาแปะฆ่าตัดหัวเสือไทตัวปลอม จิกหัวเสือไทตัวปลอม ออกมาโยนทิ้งข้างนอกพร้อมประกาศว่า “กูนี่แหละเสือไทตัวจริง” มันผู้ใดเอาชื่อกูไปทำชั่วแบบมัน จะต้องตายแบบนี้ นับตั้งแต่นั้นมาเสือไทตัวปลอมก็หายสาบสูญไป
ต่อมาปลายรัชสมัยรัชกาลที่ 7 เศรษฐกิจเริ่มตกต่ำ มีผู้คนหนีคดีอาญาเข้าป่ามายังชุมเสือไท จนกลายเป็นชุมชนขนาดใหญ่อย่างรวดเร็ว
เสือไท ไม่ได้ปฏิเสธเรื่องการปล้น เพื่อไม่ให้ชาวบ้านเดือดร้อน จึงเลือกปล้นเฉพาะพวกเศรษฐีหรือนายทุนหน้าเลือด เอารัดเอาเปรียบและทำนาบนหลังคนยากจนเท่านั้น เสือไทเคยปล้นเรือโยงข้าว แล้วขนเอาข้าวสารไป แจกจ่ายชาวบ้านบ่อยๆ ชื่อเสียงด้านชั่วร้ายจากการกระทำของเสือไทตัวปลอมทำไว้จึงค่อยๆจางหายไป
พอถึงช่วงเวลาต้นสมัยของรัชกาลที่ 8 เสือไทเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายชีวิตที่ต้องแบกรับปัญหาลูกน้องนับร้อย เขาที่ชอบชีวิตสงบเรียบง่ายและสมถะมากกว่า การที่ต้องเป็นโจรมันมีชีวิตที่ต้องคอยหลบหนี เสือไทจึงเรียกประชุมลูกน้องแล้วประกาศให้รับรู้พร้อมกันว่าจะปล้นเป็นครั้งสุดท้ายแล้ว
การปล้นครั้งสุดท้ายเสือไท ได้ทรัพย์สินตามต้องการ เสือไทบอกกับเถ้าแก่ชาวจีนคนนั้นผู้ถูกเสือไทปล้นครั้งสุดท้ายว่า ให้ถือว่าเป็นการชดใช้หนี้เก่า ชาติที่แล้วคงเอาของตนไป ชาตินี้จึงมาปล้น ก่อนจากมาได้บอกให้เถ้าแก่เลิกรีดดอกเบี้ยจากชาวบ้าน ถ้ายังขืนทำต่อก็จะมีโจรก๊กอื่นมาปล้นจนหมดตัว หลังจากนั้นเสือไทจึงแบ่งทรัพย์สินให้ลูกน้อง โดยตัวเขานำติดตัวมามาไม่มาก ด้วยคิดว่าตัวเองเป็นคนมีวิชาความรู้ เมื่อได้สำรวจดูพื้นที่แล้วเสือไทตัดสินใจเลือกหมู่บ้านจระเข้ผอม จังหวัดพิจิตรเป็นถิ่นที่อยู่ เวลาใครถามชื่อ ก็จะบอกว่าชื่อ หลิม ใช้ความรู้ทางตำราสมุนไพร ประกอบอาชีพเป็นหมอแผนโบราณ วิชาความรู้ด้านสมุนไพรของ หลิม ชาวบ้านล่ำลือว่าขลังมาก นอกจากนั้น หลิมยังมีวิชาอาคมติดต่อสื่อสารกับเจ้าที่เจ้าทาง สำหรับใครที่จะซื้อที่ดิน หากพ่อหมอหลิมบอกว่า “ห้ามซื้อ” ต่อให้ที่ดินแปลงนั้นทำเลดีอย่างไร ก็ไม่มีใครกล้าซื้อ เพราะรู้กันว่าถ้าซื้อแล้วจะอยู่ไม่ได้หรือไม่ก็เกิดเรื่องไม่ดีมากมาย ในระหว่างนั้นพ่อหมอหลิมได้พบรักกับสาวชาวบ้าน อยู่กินกันจนมีบุตรชายหนึ่งคน หลังจากใช้ชีวิตสงบสุขมานานหลายปี จนมีฐานะดี พ่อหลิมอายุใกล้ๆหกสิบ มีโจรกลุ่มหนึ่งพาพวกนับสิบข้ามลำน้ำยมเข้ามาในเขตจังหวัดพิจิตร ปล้นจี้
รายทางมาเรื่อย จนถึงหมู่บ้านจระเข้ผอม พวกมันบุกปล้นบ้านหลังแรก คือ “บ้านพ่อหลิม” บุกปล้นบ้านใครไม่ปล้น ดันมาบุกปล้นบ้านอดีตเสือ พ่อหลิมยิงต่อสู้กับกองโจรแบบหนึ่งต่อสิบ ปรากฏฝ่ายโจรตายหลายคน ที่เหลือก็หลบหนีไป เรื่องราวการบุกปล้นบ้านพ่อหลิมครั้งนั้นดังกระจายไปทั่วจังหวัดพิจิตร ชาวบ้านร่ำลือความเก่งของพ่อหลิม หลายคนสงสัยความประวัติเป็นมาของพ่อหลิม ต่อมากรมตำรวจได้รับร้องเรียนจากชาวพิจิตรที่ได้รับความเดือดร้อนจากภัยโจร จึงกำลังมองหาตำรวจฝีมือดี ขณะนั้น มือปราบขมังเวท ร.ต.อ. ขุนพันธรักษ์ราชเดช กำลังไล่ล่าปราบโจรอยู่ที่จังหวัดสุราษฏร์ธานี กำลังถูกกลั่นแกล้งร้องเรียนขอให้ย้ายออกจากพื้นที่ ทางกรมจึงย้ายขุนพันธรักษ์ราชเดชฯ มาประจำที่จังหวัดพิจิตร ขุนพันธ์มาประจำอยู่จังหวัดพิจิตรสามปี นอกจากทำการปราบปรามโจร ผู้ร้ายและบรรดาอันธพาลจนราบคาบแล้ว จุดหมายสำคัญที่ขุนพันธ์ตั้งใจตามหา “เสือไท” หรือมหาดเล็กหลิม ทองย่อน ผู้ที่เป็นหนี่งในเจ็ดทหารเสือกรมหลวงชุมพรฯ ตามเบาะแสข้อมูลที่ได้มาจาก หลวงประชาธนาณัติ อดีตเพื่อนรักของเสือไท ตอนที่ทั้งสองพบกันพ่อหลิมมีอายุประมาณ 67 ปี ส่วนขุนพันธ์ฯเป็นหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบต้นๆ อายุรุ่นลูกหลานเลยทีเดียว ขุนพันธ์ได้เดินทางไปพบพ่อหลิม ที่บ้านจระเข้ผอม ตำบลรังนก พิจิตร ถึงสองครั้งจึงได้พบตัว ความจริงครั้งแรก พ่อหลิมก็นั่งอยู่บนบ้าน แต่ขุนพันธ์ฯมองไม่เห็น พ่อหลิมเล่าว่า ขุนพันธ์นั่งห่างจากตัวเขาไม่เกินสองวา ตอนแรกคิดจะปรากฏตัวให้เห็น แต่เปลี่ยนใจ ต้องการทดสอบนิสัยขุนพันธ์เสียก่อน ขุนพันธ์ฯเล่าถึงตอนพบกับ พ่อหลิมหรือเสือไทครั้งแรกว่า เป็นนักเลงด้วย เป็นผู้ดีด้วย หวีผมเรียบ เสื้อเชิ้ตสั้นพับปลาย รีดเรียบ พกมีด แขกมาบ้านนั่งหน้าตาเขม็ง คหบดี ผู้ดีมีอันจะกิน ตามท้องในสมัยนั้นไม่มีใครรีดเสื้อผ้ากัน ไม่มีใครหวีผม เมื่อมีคนถามขุนพันธ์ว่า ทำไมถึงคิดว่าพ่อหลิมเป็นนักเลง ขุนพันธ์ตอบว่า....ที่ว่าเป็นนักเลงนั้นคือ ไม่เสียตา นั่งมองแขกผู้มาเยือนเขม็ง นั่งตัวแข็ง พกมีด ผมถามไปว่าทำไมต้องพกมีดด้วย เสือไทตอบว่า ครับผมปฏิบัติมาอย่างนี้ คนไม่มีเขี้ยวไม่มีงา จึงต้องมีอาวุธ ขุนพันธ์ฯเคยให้สัมภาษณ์ว่า....เสือไทเป็นคนดีเป็น คนจริง และเป็นสุภาพบุรุษ ประการสำคัญเป็นจอมโจรอาคม ที่สอนวิชาอาคมให้กับตนเองหลายอย่าง โดย ขุนพันธ์ฯ ยอมรับและยกย่องให้ พ่อหลิม หรือ เสือไท เป็นอาจารย์คนหนึ่งของตนเอง พ. ศ. 2511 อดีตเสือไทค่อยๆ ล้มตัวนอน หลับตาภาวนาทำสมาธิอย่างที่เคยปฏิบัติอย่างปกติทุกครั้งเวลาหลับตานอน นี่คือ..การนอนหลับตลอดกาลของอดีตเสือไท หรือพ่อหลิม ทองย่อน อดีตทหารเสือกรมหลวงชุมพรฯ ในงานศพ มีลูกศิษย์บางคน(คิดว่าเห็นเป็นลูกศิษย์เสด็จเตี่ย)จึงยิงปืนขึ้นฟ้าแต่กลับไม่มีเสียงปืนดังออกมาเลยแม้แต่กระบอกเดียว แม้แต่เถ้าอัฐิ ยังมีคนร้อนวิชานำไปทดสอบยิง แต่จะยิงเถ้าอัฐิสักกี่ครั้งก็ไม่มีเสียงปืนดัง ญาติมิตรและบรรดาลูกศิษย์ได้สร้างอนุสรณ์เล็กๆ เป็นที่ระลึกบรรจุอัฐิพ่อหลิม ทองย่อน ไว้กราบไหว้ ณ. สุสานวัดจระเข้ผอม อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร ซึ่งยังอยู่มาตราบจนทุกวันนี้

พระรายการนี้ให้เช่าบูชาแล้ว

ท่านพบพระองค์นี้ที่ร้าน Antig 198 รายการที่ 085

ต้องการดูรายการพระเครื่องอื่นๆ คลิ๊กที่ คำว่าหน้าร้าน ด้านบน

ข้อมูลการติดต่อ : อุดร เหลืองวิชชเจริญ
0932480159 ang7kong@gmail.com
จำนวนผู้เปิดชม : 0861 ครั้ง
โพสเมื่อ : 2018-07-20 23:29:08
ปรับปรุงล่าสุด : 2021-06-16 18:48:31
Share ข้อมูล :
สอบถามเกี่ยวกับสินค้านี้
ชื่อผู้โพส
E-mail
โทรศัพท์
ข้อความ
Code ยืนยันการโพสโค้ดยืนยันการโพส
;
ชื่อร้าน : antig198
โดย : อุดร เหลืองวิชชเจริญ
ที่อยู่ติดต่อ : 491 หมู่ที่ 7 ต.สมอเเข อ.เมือง จ. พิษณุโลก 65000
หมายเลขโทรศัพท์ : 0932480159
E-Mail ติดต่อ : ang7kong@gmail.com
URL ของร้าน : http://pra.yodthongthai.com/antig198/
 ธนาคารกสิกรไทย :   สาขา ถนนสายเอเซีย  
ประเภทบัญชี : ออมทรัพย์/สะสมทรัพย์
ชื่อบัญชี : อุดร เหลืองวิชชเจริญ  
หมายเลขบัญชี : 4032253429